หลอเจียหลียง (
อักษรจีน: 羅嘉良,
พินอิน: Luó Jiāliáng,
กวางตุ้ง:Lo4 Gaa1leong4) มีชื่อภาษาอังกฤษว่า "
กัลเลน หลอ" (Gallen Lo) เป็นนักแสดงชายเจ้าบทบาทชาว
ฮ่องกงที่ได้รับความนิยมทั่วเอเชียและมีชื่อเสียงเป็นอย่างมากกับงานแสดงทางด้านละครของ
สถานีโทรทัศน์ทีวีบีในช่วงกลางยุค
ทศวรรษ 90 เขาเริ่มอาชีพการเป็นนักแสดงโดยรับบทเป็นตัวประกอบมาก่อนตั้งแต่กลางยุคทศวรรษ 80 และเริ่มมีบทบาทมากขึ้นในช่วงต้นยุคทศวรรษ 90 โดยรับบทเป็นทั้งพระเอก, พระรอง และตัวโกง จนมาโด่งดังเป็นพลุแตกในกลางยุคทศวรรษที่ 90 กับการแสดงเป็นตัวร้ายในผลงานละครเรื่อง "
ลูกผู้ชายต้องสู้" (Cold Blood Warm Heart 1996) ต่อมาก็ได้รับบทพระเอกทั้งในละครเรื่อง "
หลุมรักพรางใจ" (Old Time Buddy 1997) และ "
เลือดรักเลือดทรนง" (Secret of the Heart 1998) ต่างส่งให้เขากลายเป็นพระเอกจอแก้วแนวดราม่าเบอร์หนึ่งของทางช่องสถานีโทรทัศน์ทีวีบี นับตั้งแต่นั้นเขาก็มีผลงานละครตามมาอีกมากมายซึ่งล้วนแล้วแต่ประสบความสำเร็จและมีคุณภาพแทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น "
เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดภาค1-2" ( At the Threshold of an Era 1999-2000), "
ลูกผู้ชายหัวใจกตัญญู/แค้นสายโลหิต" (Golden Faith 2002) เป็นต้น อีกทั้งเขายังเป็นนักแสดงชายคนแรกในเพียงสามคนเท่านั้นของวงการละครโทรทัศน์ฮ่องกงที่สามารถคว้า "
รางวัลเฉลิมฉลองครบรอบสถานีโทรทัศน์ทีวีบีประจำปี" (TVB Anniversary Awards) ในสาขา "
นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม" มาครองได้สำเร็จถึง 3 ครั้งด้วยกัน จนได้รับการขนานนามจากสื่อฮ่องกงในยุคสมัยนั้นว่า "
คิง กัลเลน" หรือ "
ราชาเจ้าบทบาท หลอเจียเหลียง" (King Gallen)
[1][2][3][4][5][6][7]หลอเจียเหลียง ได้เข้าร่วมประกวดร้องเพลงในรายการ "
ค้นคว้าหาดาวครั้งที่ 3" เมื่อปีพ.ศ. 2527 (1984) ที่จัดขึ้นโดยสถานีโทรทัศน์ทีวีบีถึงแม้การประกวดในครั้งนั้นเขาจะไม่ได้รับรางวัลอะไรเลยและทางสถานีโทรทัศน์ทีวีบี ก็ไม่ได้สนใจในตัวเขาแม้แต่น้อย แต่ทางโปรดิวเซอร์ของทาง
สถานีโทรทัศน์เอทีวีกลับเห็นพรสวรรค์ของเขาบนเวทีและได้ชักชวนให้เข้าร้องเพลงประกอบละครกับทางค่ายเอทีวี นานสองปี เช่น ร้องเพลงประกอบละครกับทางช่องในเรื่อง "
จิ๋นซีฮ่องเต้" เป็นต้น ต่อมาก็ได้เข้าสู่วงการบันเทิงอย่างเต็มตัว และได้ร่วมงานแสดงละครชุดกับทางช่องทีวีบีในปีพ.ศ. 2529 (1986) แต่กลับไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนักเนื่องจากในยุคแรก ๆ ฝีมือการแสดงของเขาแข็งมาก จนสื่อต่าง ๆ ในตอนนั้นตั้งฉายาให้เขาว่า "
ท่อนไม้" เป็นเหตุให้ต่อมาเขาได้พยายามพัฒนาฝีมือการแสดงของตัวเองให้ดียิ่งขึ้น จนเข้าสู่ยุคทศวรรษที่ 90 เขาเริ่มได้รับความนิยมขึ้นมาในระดับหนึ่ง จากการสวมบทบาทเป็นตัวร้ายในละครสากลเรื่อง "
กุหลาบไฟ" ซึ่งคนดูในตอนนั้นต่างชื่นชมกับการแสดงในบทตัวโกงของเขาในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก จากนั้นชื่อเสียงของเขาก็เริ่มได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นและมีผลงานละครที่ได้รับความสนใจตามมาอีกหลายเรื่อง เช่น"
ม่านรักม่านประเพณี" (Plain Love 1995) ที่รับบทนำร่วมกับ
โจว ไห่เม่ย และ
จางจ้าวฮุย และนับได้ว่าละครเรื่องนี้เป็นการก้าวขึ้นมารับบทพระเอกเต็มตัวเป็นครั้งแรกหลังจากที่เคยรับบทพระเอกร่วมมาก่อนหน้านี้จนมาถึงช่วงที่เข้าสู่ยุคทองทางการแสดงของเขาอย่างแท้จริง กับการสวมบทบาทตัวร้าย "
ฉีเจียลี่" ในผลงานละครชุดแนวสากลเรื่อง "
ลูกผู้ชายต้องสู้" (Cold Blood Warm Heart 1996) ทำให้เขาโด่งดังเป็นพลุแตกและในปีพ.ศ. 2540 (1997) กับการแสดงในงานละครเรื่อง "
หลุมรักพรางใจ" (Old Time Buddy 1997) ทำให้เขามีชื่อเสียงเป็นอย่างมากและส่งให้เขาเป็นหนึ่งในนักแสดงชายยอดนิยมแถวหน้าของสถานีโทรทัศน์ทีวีบีอีกคน จากนั้นก็มีละครที่ได้รับความนิยมอย่างสูงตามมาอีก เช่น "
เลือดรักเลือดทรนง" (Secret of the Heart 1998) ที่ทำให้เขาโด่งดังมากมายทั่วเอเชีย จนมาถึงผลงานละครสุดฮิตระดับมาสเตอร์พีซทางการแสดงของเขาเรื่อง "
เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด" ( At the Threshold of an Era 1999) และ"
เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด ภาค 2" ( At the Threshold of an Era 2000) ซึ่งทั้งสองภาคนับได้ว่าเป็นผลงานละครชิ้นโบว์แดงที่ถูกกล่าวขวัญถึงมากที่สุดในช่วงชีวิตการแสดงของเขามาจนถึงปัจจุบันหลอเจียเหลียง เป็นนักแสดงชายคนแรกของวงการละครโทรทัศน์ฮ่องกงที่สามารถคว้ารางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมทางสายงานละครมาครองได้ถึง 3 ครั้งด้วยกัน คือ ในปีพ.ศ. 2540,2541 และ 2545 (TVB's Best Actor Award three times 1997, 1998, 2002) อีกทั้งยังเป็นนักแสดงชายในสายงานละครเพียงคนเดียว ที่ได้รับการจัดอันดับให้ติดหนึ่งในห้านักแสดงชายที่ดีที่สุดแห่งปีนานติดต่อกันถึงหกปี ในช่วงปีพ.ศ. 2540-2545 (1997, 1998, 1999, 2000, 2001, 2002) ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2546 (2003) หลอเจียเหลียงได้ออกจากสถานีโทรทัศน์ทีวีบีหลังจากอยู่ที่นี้มานานถึง 17 ปี และหันไปรับงานแสดงทั้งละครและภาพยนตร์ที่ประเทศจีนเป็นหลักมาจนถึงปัจจุบัน แต่ก็มีเป็นช่วง ๆ ที่เขาได้กลับเข้ามารับเล่นละครให้กับทางสถานีโทรทัศน์ทีวีบีอยู่บ้างแม้จะไม่ใช่ยุคทองของเขาแล้วก็ตาม